จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
บทที่ 26

สองชั่วโมงผ่านไป ลานจอดรถหน้าร้านสมุนไพรตระกูลลี่ ตอนนี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งหมดกำลังมองไปยังดวงแสงสีทองขนาดใหญ่ด้วยความกังวล พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับลี่เหยาเหยา แต่ก็เชื่อใจจ้าวเทียนจึงได้วางกำลังป้องกันสถานที่แห่งนี้ไว้อย่างแน่นหนา “ ไม่รู้ว่าเสี่ยวเหยาจะเป็นอย่างไรบ้าง ” พ่อแม่ของลี่เหยาเหยาพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง นี่คือลูกสาวคนเดียวของพวกเขา แม้ในอดีตจะเคยมีเรื่องทะเลาะกันครั้งใหญ่ ตอนที่เธอตัดสินใจเลือกเส้นทางของตัวเอง แต่ภายหลังพวกเขาก็ปรับความเข้าใจกันดีแล้ว ยิ่งในตอนนี้ลี่เหยาเหยาได้พิสูจน์แล้วว่าเส้นทางที่เธอเลือกนั้นถูกต้อง พวกเขาก็ยิ่งรักและภูมิใจในตัวเธอมาก “ ไม่ต้องกังวล…ฉันเชื่อว่าจ้าวเทียนต้องช่วยเสี่ยวเหยาได้แน่นอน ” ท่านปู่ลี่พูดขึ้นอย่างมั่นใจ แม้แต่อาการของเขาจ้าวเทียนยังรักษาได้แบบสบายๆ เด็กหนุ่มคนนี้ถนัดในการสร้างปาฏิหาริย์อยู่แล้ว กงเสี่ยวเหมยมองร่างของจ้าวเทียน ที่ยืนนิ่งอยู่ในท่าใช้มือสัมผัสกับดวงแสงมา 2 ชั่วโมงอย่างครุ่นคิด ตัวเธอไม่ได้เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยของลี่เหยาเหยา เพราะเธอเชื่อว่าจ้าวเทียนต้องไม่ปล่อยให้ลี่เหยาเหยาเป็นอันตรายอย่างแน่นอน แต่เธอรู้สึกกังวลเรื่องอื่นมากกว่า เธอรู้สึกว่าหลังจบเรื่องครั้งนี้ ความสัมพันธ์ของจ้าวเทียนกับลี่เหยาเหยาจะต้องไม่เหมือนเดิมแน่นอน มันเป็นสัญชาตญาณของผู้หญิง “ หลานชอบเด็กหนุ่มคนนี้เหรอ ” กงไป๋ฮวาถามหลานสาวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ หนู…หนูรู้สึกว่าเขาไม่เหมือนผู้ชายคนอื่น ” กงเสี่ยวเหมยพูดความรู้สึกของเธอออกมาตามตรง “ งั้นก็อย่าปล่อยให้คนอื่นแย่งชิงไป…เรื่องแบบนี้ตระกูลกงของเราไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว ยายและทุกคนในตระกูลพร้อมที่จะช่วยเหลือเธอเต็มที่นะ ” เธอบอกหลานสาวด้วยความมั่นใจ เด็กหนุ่มอายุ 20 ปี ที่สามารถเอาชนะปรมาจารย์ได้ แถมยังมีความรู้เรื่องการรักษาคนอื่น ตระกูลกงไม่ยอมที่จะเสียให้ตระกูลอื่นไปแน่ ท่านปู่ลี่ที่แอบฟังอยู่ก็คิ้วกระตุกทันที เขาคิดแล้วไม่มีผิด “ นี่ยายเฒ่า…ฉันเจอเขาก่อน เสี่ยวเหยาหลานฉันกับเขาก็มีความรู้สึกดีๆให้กัน เธออย่าเข้ามายุ่งได้ไหม ” ท่านปู่ลี่กระซิบตอบไปด้วยเสียงทางลมปราณให้ได้ยินกันแค่สองคน “ หืม…แต่จากที่ฉันรู้มา หลานฉันเจอเขาก่อนที่คลับแมวป่านะ ของแบบนี้มันก็อยู่ที่ตัวเขาเป็นฝ่ายเลือกไม่ใช่เหรอ ” กงไป๋ฮวาตอบกลับไปด้วยเสียงเยาะเย้ย ชิ้ง! จุดที่สายตาของผู้นำตระกูลทั้งสองปะทะกัน เหมือนจะเกิดประกายไฟขึ้น ต่างคนต่างไม่ยอมแพ้ เฮ้ออ… ลี่สวีฉิงถอยหายใจออกมายาวๆ เธอรู้ความคิดของลูกศิษย์ทั้งสองคนดี… ทำไมกันนะ ทั้งที่เมื่อก่อนเคยเป็นคนรักกันแท้ๆ แต่เดี๋ยวนี้พอเจอหน้ากันก็กลายเป็นจะต้องทะเลาะกันทุกที “ ท่านผู้นำ…ตัวแทนตระกูลต่างๆส่งคนมาขอพบ เรื่องปรากฏการลำแสงสีทองที่ตระกูลเราครับ ” บอดี้การ์ดคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน ท่านปู่ลี่หยุดคิดครู่หนึ่งแล้วออกคำสั่งไป “ บอกพวกเขาว่าวันพรุ่งนี้ตระกูลลี่จะมีคำตอบให้” “ ได้ครับ…ผมจะไปแจ้งตามนั้น ” บอดี้การ์ดรับคำแล้ววิ่งออกไปจัดการทันที วูป! !! ดวงแสงสีทองกะพริบขึ้นหลายครั้ง แล้วก็หดเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายถูกดูดซึมเข้าไปในตัวของลี่เหยาเหยาทั้งหมด จ้าวเทียนเองก็ได้ลืมตาขึ้น… เขายกมือขึ้นเล็กน้อย ตัวลี่เหยาเหยาก็ลอยมาอยู่ในอ้อมแขนเขาทันที “ ไม่มีอะไรแล้วครับ…พรุ่งนี้เธอคงจะตื่นขึ้นเอง ” เขาหันไปบอกพ่อของลี่เหยาเหยาที่วิ่งมารับตัวลูกสาวไป ตอนนี้ใบหน้าของจ้าวเทียนซีดขาว เขาใช้ปราณไปจนแทบจะหมด ร่างกายของเขาแทบจะยืนไม่ไหวอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น วันนี้เขายังไม่มีโอกาสได้พักเลย “ ผมขอพักซักครู่ได้ไหม…อีกสองชั่วโมงผมมีเรื่องสำคัญเกี่ยวกับธุรกิจจะคุยด้วย ” เขาหันไปพูดกับท่านปู่ลี่ด้วยเสียงอ่อนแรง ซึ่งอีกฝ่ายก็รีบให้คนมาประคองจ้าวเทียนไปพักที่ห้องรับรองทันที สองชั่วโมงต่อมา จ้าวเทียนที่เดินเข้ามาในห้องประชุมของตระกูลลี่ ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เพราะตอนนี้ที่นั่งอยู่ในห้อง นอกจากบุคคลสำคัญของฝั่งตระกูลลี่แล้ว ยังมีกงไป๋ฮวากับหลานสาวทั้งสองด้วย “ เธอชื่อจ้าวเทียนใช่ไหม…ฉันเป็นยายของกงเสี่ยวเหมย หลานฉันพูดชื่นชมเธอไว้มากเลย ตระกูลของฉันก็มีธุรกิจเกี่ยวกับสมุนไพรเหมือนกัน ถ้ามีอะไรที่ทางตระกูลกงช่วยได้ก็ขอให้บอกมาได้เลย ” กงไป๋ฮวาพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน เธอส่งสายตาให้หลานสาว ซึ่งอีกฝ่ายก็มีสีหน้าอายเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นเดินมาหาจ้าวเทียน “ จำเรื่องที่เราไปทานข้าวด้วยกันได้ไหม พอพี่เล่าให้คุณยายฟังว่าเธอมีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรมากมาย คุณยายของพี่ก็เลยสนใจขึ้นมา พวกเราขอร่วมฟังด้วยได้ไหม” กงเสี่ยวเหมยพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจ ท่านปู่ลี่ที่นั่งดูอยู่ลอบด่าออกมาในใจ ‘ พวกเธอมันนังจิ้งจอก ’ แต่พอเขาทำท่าจะพูดอะไรออกมา ก็ได้ถูกลี่สวีฉิงปรายตาห้ามเอาไว้ จึงทำได้เพียงจ้องมอง กงไป๋ฮวา ด้วยสายตาแค้นเคือง จ้าวเทียนที่ได้ยินกงเสี่ยวเหมยพูด ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร ยังไงอีกฝ่ายก็เป็นคนที่คุ้นเคยกับเขา สำหรับจ้าวเทียนถ้าใครดีกับเขา เขาก็จะปฏิบัติต่ออีกฝ่ายด้วยดีเช่นกัน… “ งั้นดีเลยครับ…ถ้าได้ความช่วยเหลือจากตระกูลกงด้วย ธุรกิจนี้ก็คงจะราบรื่นขึ้นเยอะเลย ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เขาเดินไปที่โต๊ะตรงกลาง แล้วหยิบเอาขวดยาออกมาวางไว้ “ ก่อนอื่นเลย…พี่หวูเฉินช่วยเหลืออะไรผมซักอย่างได้ไหม ” จ้าวเทียนหันไปทางลี่หวูเฉินแล้วถามขึ้น ซึ่งอีกฝ่ายก็เดินมาหาเขาแบบงงๆ “ ถ้าจำไม่ผิด…พี่อยู่ในขั้นนักสู้ระดับ 9 ขั้นสูงแล้วใช่ไหม ” จ้าวเทียนถามขึ้นอีกครั้ง “ ใช่แล้ว ” ลี่หวูเฉินตอบด้วยความภูมิใจ พรสวรรค์ของเขาแม้จะไม่ถึงขั้นเป็นสัตว์ประหลาดแบบจ้าวเทียน แต่ก็เหนือกว่าคนอื่นมาก “ พี่กินยาเม็ดนี้…แล้วลองเดินลมปราณดู ” จ้าวเทียนหยิบยาออกมาจากขวดหนึ่งเม็ด แล้วส่งให้ลี่หวูเฉิน วินาทีที่เม็ดยาออกมาจากขวด กลิ่นหอมสดชื่นก็โชยไปทั่วห้องทันที คนที่นั่งอยู่พากันลุกขึ้นมาด้วยความตกใจ “ นี่มัน…ยาเม็ดนี้หรือว่าเป็น ” ลี่สวีฉิงพูดขึ้นด้วยความตกตะลึง เธอนั้นมีประสบการณ์สูงที่สุดในห้อง ย่อมมองออกทันทีถึงคุณค่าของเม็ดยาที่จ้าวเทียนหยิบออกมา คนอื่นที่พอมีความรู้อยู่บ้าง เมื่อได้ยินที่ลี่สวีฉิงพูดออกมาก็พอเดาได้ทันที ตอนแรกพวกเขาเพียงแค่ตกใจกับกลิ่นหอมเท่านั้น พวกเขารู้เพียงว่ามันต้องเป็นยาระดับสูงแน่นอนจากกลิ่นที่ฟุ้งกระจาย แต่ตอนนี้… ลี่หวูเฉินเองก็เป็นอีกคนที่เดาออก เขายังจำเรื่องที่ท่านปู่ลี่เล่าให้ฟังถึงเม็ดยาล้ำค่าของสำนักโบราณได้ ด้วยความที่กลัวคนอื่นจะเข้ามาแย่งชิง จึงรีบโยนยาเข้าปากแล้วรีบนั่งลงเดินลมปราณอย่างดีใจ เพียงหนึ่งชั่วโมงผ่านไป… วูป! “ นี่มัน…ตอนนี้ฉันเข้าสู่ขอบเขตผู้เชี่ยวชาญแล้ว ” ลี่หวูเฉินร้องขึ้นด้วยความดีใจ คนที่ดูอยู่รอบๆแม้จะพอคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นประสิทธิภาพของเม็ดยาด้วยตาตนเอง ก็ยังอดตื่นเต้นกันไม่ได้ “ ที่บอกว่าจะคุยเรื่องธุรกิจนี่…หมายความว่าเธอหลอมยาเม็ดนี้ขึ้นมาเองงั้นเหรอ ” กงไป๋ฮวาถามขึ้นด้วยความยินดี เด็กหนุ่มคนนี้สุดยอดจริงๆ เธอหันไปมองหลานสาวด้วยแววตาเป็นประกาย เสี่ยวเหมยผู้ชายคนนี้หลานห้ามปล่อยให้หลุดมือเชียวนะ… “ ยาเม็ดนี้ชื่อว่ายาหยวนตัน สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในนักสู้ระดับ 9 ขั้นสูงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ ” “ นอกจากนี้ผมยังสามารถหลอมยาล้างไขกระดูก ที่ทำให้คนธรรมดากลายเป็นนักสู้ระดับ 9 ได้ แต่มันต้องใช้ต้นทุนเยอะมากเป็น 10 เท่าของยาหยวนตัน ” จ้าวเทียนพูดออกมาแบบสบายๆ เหมือนเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาสำหรับเขา แต่คนอื่นที่ได้ยินถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้างแล้ว นี่ไม่ได้หมายความว่าถ้าใช้ยาทั้งสองเม็ดนี้จะเปลี่ยนคนธรรมดาให้เป็นผู้เชี่ยวชาญงั้นเหรอ พวกแกนนำตระกูลลี่ตอนนี้ตื่นเต้นจะลุกขึ้นมายืนกันหมด เพราะความฝันของพวกเขาสามารถเป็นจริงได้ ลี่เฉียนคุนว่าที่ผู้นำตระกูลนั้น ตอนนี้มองไปที่จ้าวเทียนเหมือนเป็นเทพเจ้าไปแล้ว เพราะเขานั้นนึกโทษตัวเองมาตลอดที่พรสวรรค์ต่ำ แต่ตอนนี้เขาได้มองเห็นความหวังแล้ว “ แต่ผมต้องบอกก่อนนะครับ…การหลอมยาพวกนี้ต้องใช้พลังปราณเฉพาะตัวของผมเท่านั้น คนอื่นไม่สามารถทำตามได้ ในสามวันผมจะหลอมยาหยวนตันได้เพียง 6 เม็ดและยาล้างไขกระดูก 2 เม็ดเท่านั้น ” “ เอาละครับ…ได้เวลาคุยเรื่องธุรกิจกันแล้ว ” จ้าวเทียนพูดทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้ม สามชั่วโมงผ่านไป ห้องด้านในที่ถูกกั้นไว้เป็นห้องพักของโม่ซินหยาน หน้าประตูห้องมีบอดี้การ์ด 10 คนยืนคุ้มกันอยู่อย่างแน่นหนา ทุกคนล้วนอยู่ในขอบเขตนักสู้ระดับ 8 ซึ่งเทียบเท่าพวกเจ้าสำนักศิลปะการต่อสู้ด้านนอกเลยทีเดียว “ คารวะนายน้อยจ้าว ” บอดี้การ์ดทุกคนก้มหัวให้จ้าวเทียนด้วยความเคารพ พวกเขาทั้งหมดได้เห็นพลังฝีมือดุจเทพเจ้าของจ้าวเทียนมาแล้ว แถมชายหนุ่มตรงหน้านี้ยังเหมือนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณหนูลี่เหยาเหยาอีกด้วย จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะแสดงท่าทางนอบน้อมขนาดนี้ “ ผมขอเข้าไปหน่อยนะครับ ” จ้าวเทียนพูดด้วยรอยยิ้ม เขาไม่ได้มีความเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย เพราะหลังจากที่คุยธุรกิจกันเสร็จเรียบร้อย ในความคิดของจ้าวเทียน ก็ได้เหมารวมตระกูลลี่เป็นคนของเขาไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เข้ามาในห้อง เขาก็มองไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้มเฉยชา“ ไม่ต้องแกล้งหลับ…ฉันสัมผัสได้ถึงการสั่นไหวของลมปราณเธอแล้ว ” โม่ซินหยานที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นมานั่งทันที แม้เธอจะรู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผล แต่ก็ไม่แสดงออกทางสีหน้าในเมื่อลอบโจมตีไม่สำเร็จ เธอก็จะขอฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดหน่อยแล้วกัน… “ คุณต้องการอะไร ”