จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
บทที่ 30

เวลา 6 โมงเช้า ณ เทือกเขาคุนหลุน “ เอาล่ะ…ในที่สุดฉันก็มาถึงทันเวลา ที่นี่มีพลังวิญญาณธรรมชาติหนาแน่นจริงๆ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยความสดชื่น เขาแบกกระเป๋าเป้ใบใหญ่พร้อมกับถือถังน้ำมาทั้งสองมือ หากเป็นคนธรรมดาคงไม่สามารถรับน้ำหนักขนาดนี้ได้ เมื่อวานหลังจากที่อธิบายจนน้องสาวเขาเข้าใจเรียบร้อย เขาก็รีบไปหลอมยาให้กับโม่ปิงหยู่ แล้วออกเดินทางมาที่เขาคุนหลุน วันนี้เขาต้องการจะดูดซับแก่นแท้ดวงตะวัน ซึ่งมันต้องทำในสถานที่ที่มีพลังวิญญาณบริสุทธิ์หนาแน่น ซึ่งเขาคุนหลุนแห่งนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว เมื่อมาถึงบริเวณยอดเขา ซึ่งเป็นที่โล่งปราศจากผู้คนมารบกวน เขาก็เลือกหาตำแหน่งเหมาะๆ ที่แสงอาทิตย์จะสาดส่องเข้ามาได้เต็มที่ “ พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นพอดี…ฉันคงต้องเร่งมือแล้ว” จ้าวเทียนได้หยิบเอาสมุนไพรหลายชนิดออกมาตั้งไว้ ตูม! จ้าวเทียนรวบรวมลมปราณ ชกใส่พื้นหินตรงหน้าเต็มแรง จนเกิดเป็นหลุมลึกประมาณครึ่งเมตร กว้างเมตรครึ่ง จากนั้นเขาก็เทน้ำลงไปจนเกือบเต็ม แล้วจึงใส่สมุนไพรทั้งหมดตามไป จ๋อม! “ จะว่าไปมันก็สบายเหมือนกันนะ” จ้าวเทียนตอนนี้ถอดเสื้อผ้าลงมานั่งสมาธิในบ่อสมุนไพรเรียบร้อยแล้ว วูป! แก่นแท้ดวงตะวันได้ถูกปลดปล่อยออกมา มันลอยอยู่บนหัวเขา เปล่งพลังงานอันมหาศาลออกมา สมุนไพรที่ลอยอยู่ในน้ำก็เริ่มละลาย แล้วค่อยๆถูกร่างกายเขาดูดซึมเข้าไป เคล็ดวิชาหมื่นตะวันนั้น จะต้องกลั่นหลอมร่างกายไปควบคู่กับยกระดับพลังปราณ เพราะหากร่างการเขาไม่แข็งแกร่งพอ ก็จะไม่สามารถแบกรับพลังอันมหาศาลของดวงอาทิตย์ได้ ซึ่งในขั้นสุดท้ายของเคล็ดวิชานี้จะมีพลังเท่ากับดวงอาทิตย์หมื่นดวงเลยทีเดียว เป็นเคล็ดวิชาเทวะขั้นสูงสุดที่แข็งแกร่งมาก โดยในวันนี้จ้าวเทียนได้บอกทุกคนไว้แล้วว่า เขาจะเก็บตัวฝึกวิชาไม่ต้องเป็นห่วง… เวลาแปดโมงเช้า ลี่เหยาเหยาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่น เธอรู้สึกว่าร่างกายของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภาพสิ่งต่างๆรอบตัวเธอเปลี่ยนเป็นคมชัด แม้แต่เม็ดฝุ่นที่ตกอยู่ไกลๆเธอยังมองเห็นได้เจน “ เธอไม่ต้องแปลกใจ…ตอนนี้เธอหลอมรวมเมล็ดพันธุ์แห่งทวยเทพสำเร็จแล้ว ซึ่งมันก็ได้ยกระดับเธอเข้าสู่ขอบเขตผู้เชี่ยวชาญเรียบร้อย ” เสียงของเทพธิดาซวนเฉวียนดังขึ้นในความคิดของเธอ แวป! ดวงแสงสีทองปรากฏขึ้นตรงหน้าของลี่เหยาเหยา มันค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นเทพธิดาที่มีหน้าตาสวยงาม เพียงแต่ตอนนี้เธอมีขนาดเท่าฝ่ามือของลี่เหยาเหยาเท่านั้น นี่เป็นเพราะว่าเธอสูญเสียพลังทั้งหมดของตัวเองไปแล้ว ที่ยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะพันธสัญญาแห่งวิญญาณผู้พิทักษ์ ตอนนี้ในโลกมนุษย์คนที่จะมองเห็นตัวตนของเทพธิดาซวนเฉวียนได้ มีแต่ลี่เหยาเหยากับจ้าวเทียนเท่านั้น ‘ ตัวเล็ก…น่ารักจังเลย ’ ลี่เหยาเหยาคิดขึ้นในใจ เธออยากจะเอามือไปจิ้มเล่นแต่ก็ไม่กล้า “ นี่เธอ…กำลังคิดอะไรที่มันเสียมารยาทอยู่ใช่ไหม ” เทพธิดาตัวจิ๋วพูดขึ้นด้วยความโมโห เธอสามารถรับรู้สิ่งที่ลี่เหยาเหยาคิดได้ผ่านพันธสัญญา คิกคิก “ ขอโทษทีจ้า…แต่เธอน่ารักจริงๆนะ ” ลี่เหยาเหยาหัวเราะด้วยความขบขัน ตลอดเวลาที่ร่างกายของเธอหมดสติไปเพราะหลอมรวมเมล็ดพันธุ์ แต่จิตวิญญาณเธอนั้นอยู่ในโลกพื้นที่ขนาดเล็กที่เทพธิดาสร้างขึ้น ตลอดเวลาเกือบ20ชั่วโมง ทั้งคู่ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งยังได้วางแผนฝึกฝนในอนาคต ทำให้เกิดความสนิทสนมกันมากขึ้น มันได้ช่วยลดช่องว่างระหว่างเทพธิดาอายุเกือบล้านปี กับหญิงสาวมนุษย์อายุยี่สิบปี ให้กลับกลายมาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่าตอนนี้ทั้งคู่ได้ใช้ดวงวิญญาณดวงเดียวกันเพราะพันธสัญญา “ ตอนนี้ตัวเธอได้เปลี่ยนจากมนุษย์กลายเป็นเผ่าพันธุ์เทพโบราณแล้วนะ เพราะฉะนั้นการฝึกฝนของเธอต่อจากนี้ไปจะไม่สามารถใช้วิธีเดียวกับคนอื่นได้แล้ว ” “ อย่างที่ฉันได้บอกเธอไป เผ่าเทพโบราณของพวกเรานั้นฝึกตนโดนใช้พลังความเชื่อความศรัทธาที่บริสุทธิ์ ซึ่งเราจะเรียกมันว่าพลังจิตวิญญาณ ” “ ซึ่งในโลกมนุษย์นั้นเราจะสามารถพบได้จากสถานที่พิเศษหรือพวกวัตถุที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณเท่านั้น ” เทพธิดาจิ๋วอธิบายต่อ เธอบินมานั่งแกว่งขาเล่น อยู่บนไหล่ของลี่เหยาเหยา “ ฉันจะไปหาของแบบนั้นได้จากที่ไหนละ…ในเรื่องแบบนี้ต่อให้ถามพวกคุณปู่ก็อาจจะไม่รู้ก็ได้ ” ลี่เหยาเหยาพูดขึ้นด้วยความกังวล แม้ว่าการสืบทอดพลังเทพสวรรค์โบราณจะทำให้เธออยู่เหนือคนทั่วไปเยอะมาก แต่ที่นี่ไม่ใช่แดนสวรรค์ที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ บนโลกนี้ผู้คนฝึกฝนด้วยการดูดซึมพลังปราณจากฟ้าดิน หรือแหล่งปราณหนาแน่นจากธรรมชาติ คงไม่มีใครใช้พลังจิตวิญญาณแบบเธอ “ ทำไมเธอไม่โทรหาคนรักของเธอล่ะ…ถ้าเป็นเขาคงจะตอบได้แน่นอน ” เทพธิดาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มล้อเลียน “ เขาเหรอ…แต่พวกเรายังไม่ใช่คนรักซะหน่อย ” เธอตอบเสียงเบา ใบหน้าเธอแดงเล็กน้อยด้วยความอาย “ ฉันละเบื่อเธอจริงๆเลย…บนโลกมนุษย์รูปร่างหน้าตาของเธออาจจะเป็นอันดับต้นๆ แต่รู้ไหมบนแดนสวรรค์ มีคนที่อยู่ในระดับเดียวกับเธอหรือเหนือกว่าเต็มไปหมด ถ้ามัวแต่ช้าระวังเธอจะเสียใจนะ ” ลี่เหยาเหยาที่ได้ยินก็นิ่งเงียบไป เธอคิดถึงความลับตัวตนของจ้าวเทียน ดูเหมือนว่าสักวันหนึ่งเขาก็คงจะกลับไปแดนสวรรค์ พอถึงตอนนั้น… เธอส่ายหน้าไล่ความคิดว้าวุ่นในใจ แล้วหยิบโทรศัพท์มาโทรหาจ้าวเทียนทันที เทพธิดาที่เห็นแบบนั้นก็มีรอยยิ้มขึ้น …
“ เขาปิดเครื่อง…ฉันจะลองโทรหาน้องหยูเหมยดู ” ลี่เหยาเหยาได้เปลี่ยนไปโทรหาจ้าวหยูเหมยแทน ซึ่งอีกฝ่ายรับสายเธอด้วยเสียงดีใจ ทั้งยังชวนเธอคุยเรื่องราวต่างๆมากมาย เมื่อได้ฟังสิ่งที่จ้าวหยูเหมยเล่าให้ฟัง ใบหน้างดงามอ่อนโยนของลี่เหยาเหยาก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเทพธิดาตัวจิ๋วที่นั่งอยู่บนบ่าเธอก็กลั้นหัวเราะอย่างชอบใจ เพราะเธอได้ยินทุกอย่าง ตึ้ด! ตอนนี้ลี่เหยาเหยาได้กดวางสายไปแล้ว แต่อารมณ์ของเธอกำลังเดือดได้ที่ พลังในร่างของเธอกำลังไหลเวียนอย่างพลุกพล่าน “ เธอจะโมโหเรื่องอะไร…เขาก็แค่กักตัวฝึกวิชาไม่ใช่เหรอ พอเขากลับมาเราก็ค่อยไปถามเขาเรื่องพลังวิญญาณก็ได้ ” เทพธิดาตัวน้อย บินมาอยู่ตรงหน้าลี่เหยาแล้วแกล้งถามขึ้นด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “ ฉันไม่ได้โมโหเรื่องนั้น…” ลี่เหยาเหยากัดฟันพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ อ๋อ…ฉันรู้แล้ว คงเป็นเรื่องที่เขารับหญิงสาวมาอยู่ด้วย 2 คนใช่ไหม ” เทพธิดาตัวน้อยพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม เธอได้วางแผนการขึ้นในใจ ตัวเธอนั้นรู้สึกหมั่นไส้จ้าวเทียน ตั้งแต่เขาทำเธอเสียหน้าในโลกวิญญาณของเมล็ดพันธุ์แล้ว เธอจะมีความสุขมากถ้าได้เห็นจ้าวเทียนเจ็บตัวบ้างซักเล็กน้อย ‘ จ้าวเทียนอย่าคิดว่านายเป็นมหาเทพแล้วฉันจะทำอะไรนายไม่ได้นะ เตรียมตัวซวยได้เลย คิกคิก ’ ลี่เหยาเหยาเมื่อได้ยินคำพูดตอกย้ำของเทพธิดาตัวน้อย เธอก็ระเบิดพลังขอบเขตผู้เชี่ยวชาญออกมาทันที !! แคร่ก! โทรศัพท์ที่อยู่ในมือของลี่เหยาเหยาแตกออกเป็นชิ้นๆ ณ เทือกเขาคุนหลุน เฮือก! “ ความรู้สึกนี้ มีคนจะลอบโจมตีฉันงั้นเหรอ ” จ้าวเทียนลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ เขามองสำรวจบริเวณรอบๆทันที แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ตอนนี้น้ำสมุนไพรทั้งหมดได้ถูกใช้ไปหมดแล้ว ร่างกายของเขาอย่างเดียวก็มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าปรมาจารย์ขั้นกลางแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของผิวหนังเขาในตอนนี้ สามารถยืนรับการโจมตีสุดแรงของปรมาจารย์ขั้นต่ำได้โดยไร้รอยแผล มันเสริมความมั่นใจในแผนขั้นต่อไปให้เขาเป็นอันมาก “ ด้วยระดับร่างกายฉันในตอนนี้หรือศัตรูจะเป็นปรมาจารย์ขั้นสูง ถึงทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงสัญชาตญาณแจ้งเตือนอันตราย ” จ้าวเทียนพูดออกมาด้วยความเคร่งเครียด เขาเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองมาก เขาคงต้องระวังตัวไว้ “ ตอนนี้แก่นแท้ดวงตะวัน ได้ถูกซึมซับเข้ามาในดวงจิตฉันเรียบร้อยแล้ว คงได้เวลายกระดับพลังปราณเข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์ซักที ” เขารีบฝึกฝนเคล็ดวิชาหมื่นตะวันขั้นต่อไปทันที ในขณะที่เขากำลังจะเข้าสู่ภวังค์ ก็เกิดนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ความซวยในห้องอาหารขึ้นมา จะว่าไปความรู้สึกเมื่อครู่ก็คล้ายกันกับตอนนั้นอยู่นะ… “ ฉันแค่ออกมาฝึกวิชา คงไม่มีปัญหาหรอกใช่ไหม… ” จ้าวเทียนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแห้งๆ ณ ตระกูลลี่ หลังจากที่ออกไปพบคนในครอบครัวที่มาหาเธอด้วยความเป็นห่วงเรียบร้อย ตอนนี้ลี่เหยาเหยากำลังนั่งใจลอยอยู่ที่โต๊ะอาหาร เทพธิดาตัวจิ๋วนั่งดูลี่เหยาเหยาใช้ช้อนเขี่ยอาหารในจานด้วยความเบื่อหน่าย มันเป็นแบบนี้มาซักพักแล้ว ดูเหมือนเธอจะได้รับผลกระทบจากเรื่องของจ้าวเทียนมากกว่าที่คิด ฉันคงต้องดึงความสนใจของเธอไปที่เรื่องอื่น… “ จะว่าไปฉันพึ่งนึกได้ ว่าเคยเห็นสถานที่หนึ่งในความทรงจำของเธอ ที่เต็มไปด้วยวัตถุที่มีพลังจิตวิญญาณด้วยนะ เธอสนใจไหม” เทพธิดาตัวจิ๋วบินมาอยู่ตรงหน้าลี่เหยาเหยาแล้วพูดขึ้นเสียงร่าเริง “ ที่ไหนเหรอ ” ลี่เหยาเหยามีท่าทีสนใจทันที ในตอนนี้เป้าหมายหลักของเธอคือต้องแข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องคนที่เธอรักส่วนเรื่องของตาบื้อนั่นเธอค่อยจัดการทีหลัง… “ ห้องเก็บของสะสมของปู่เธอไง ” เทพธิดาตัวจิ๋ว ยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย ณ คฤหาสน์ตระกูลจาง ภายในห้องประชุมของสมาชิกตระกูล ตอนนี้กำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องลำแสงสีทองเมื่อวานอย่างเคร่งเครียด ข่าวลือจากหลายช่องทางบ่งบอกว่านั่นคือการกำเนิดของยาโอสถในตำนาน ทำให้ตระกูลใหญ่ต่างให้ความสนใจเรื่องนี้มาก “ งั้นตกลงตามนี้…เวลาบ่ายโมงพวกเราจะไปที่ตระกูลลี่พร้อมกับตระกูลอื่นๆอีก 4 ตระกูล ถ้าข่าวลือเป็นความจริงเราต้องแย่งชิงโอสถในตำนานมาให้ได้ ” จางว่านฉี ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันพูดสรุปขึ้น “ คราวนี้แต่ละตระกูลจะนำผู้เชี่ยวชาญไปด้วย 1 คน ตระกูลลี่คงไม่กล้าขัดขืนหรอก หลังจากที่ได้ของมา พวกเราก็ค่อยอ้างชื่อของตระกูลหลงแห่งปักกิ่ง ฮุบมาเป็นของพวกเรา ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างถือดี ด้วยผู้เชี่ยวชาญถึง 5 คน ต่อให้ลี่ตงไห่หายจากอาการบาดเจ็บจริง แต่มันแค่คนเดียวรับมือกับพวกเขา 5 คนไม่ได้หรอก สุดท้ายก็ต้องยอมก้มหัวให้พวกเขาอยู่ดี นี่คือความน่ากลัวของผู้เชี่ยวชาญที่เป็นเหมือนกระดูกสันหลังของตระกูลใหญ่… เมื่อการประชุมจบลง ในขณะที่ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปเตรียมตัว “ พ่อ…ฉันขอพาซุยหลิงไปด้วยได้ไหม ” จางถงคู่แค้นของจ้าวเทียนถามขึ้นด้วยร้อยยิ้ม “ แกจะพาเธอไปทำไม ” จางว่านฉีถามขึ้นด้วยความสงสัยครั้งนี้พวกเขาอาจจะต้องปะทะกับตระกูลลี่ได้เช่นกัน มันคงไม่สะดวกที่จะพาหญิงสาวอ่อนแอไป “ ผมได้ข่าวว่าคู่หมั้นเก่าของเธออยู่ที่ตระกูลลี่ เลยจะพาเธอไปเยี่ยมเยียนซักหน่อย ”