อ่านนิยายออนไลน์ทั้งหมดฟรีที่นี่

จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน

บทที่ 624

sprite

จ้าวเทียนยืนอยู่บนท้องฟ้าจ้องมองลงไปที่วังวนโลหิตขนาดยักษ์เบื้องล่าง เสื้อผ้าอาภรณ์สวมใส่ของเขาลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงสีทองโชติช่วง ปลดปล่อยออร่าจอมราชันแห่งยุคสั่นสะเทือนสวรรค์และปฐพี “ ช่างเป็นวาจาที่อหังการยิ่งนัก นี่เขากล้าท้าทายราชันเทพมารผู้ทำลายยุคสมัยบรรพกาลจริงๆงั้นรึ ” “ นั่นซิ พูดออกไปแบบนั้น มันก็ไม่ต่างจากบอกให้อีกฝ่ายไสหัวออกมารับความตายเลยไม่ใช่เหรอ ” “ แย่แล้ว รีบเร่งมืออพยพสิ่งมีชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดในแดนสุขาวดีเร็วเข้า ก่อนที่มันจะสายเกินไป ” ทั้งเทพีอามาเทราสุและเทพโอซีริส รวมไปถึงผู้นำฝ่ายมหาอำนาจอื่นๆหันไปสั่งการกองกำลังของตนอย่างร้อนรน ทั้งสีหน้าและแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง ราวกับสัมผัสได้ถึงเคียวยมทูตวางพาดอยู่บนลำคอก็ไม่ปาน เดิมทีตัวแทนมหาอำนาจทั้งหมด ไม่ได้คาดหวังว่าจ้าวเทียนจะรีบเปิดศึกรวดเร็วขนาดนี้ พวกเขายังมีความคิดที่จะสร้างเขตอาคมผนึกแดนสุขาวดี กักขังราชันเทพมารเอาไว้ชั่วคราว เพื่อระดมพลกองทัพจากทุกฝ่ายด้วยซ้ำ “ จักรพรรดินีหลินซินเยว่ ท่านเองก็รู้ถึงความอันตรายของเรื่องนี้ดี เหตุใดจึงปล่อยให้เขาทำเช่นนั้น ” บรรพชนศักดิ์สิทธิจากโลกทิพย์แห่งแสงรีบกล่าวเตือนขึ้นเบาๆ เนื่องจากทั้งสองคบหาเป็นสหายกันมาเนิ่นนาน จึงไม่มีความกดดันแบบคนอื่นๆ “ไม่ต้องกังวล ศิษย์ข้ารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ ความคิดของเขาลึกซึ้งกว่าที่พวกเจ้าเข้าใจนัก ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่ตอบกลับไปอย่างเฉยชา เสียงของนางเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้าในตัวจ้าวเทียนอย่างชัดเจน “ แต่อีกฝ่ายเป็นถึงจอมมารที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ หากไม่ใช่เพราะสิบจักรพรรดิเทพบรรพกาลในอดีต ยอมเอาชีวิตตนเองเข้าแลกจักรวาลก็คงพังพินาศไปแล้ว ศิษย์เจ้าเพียงผู้เดียวจะรับมือไหวงั้นรึ ” นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ต้องเข้าใจว่าจักรพรรดิเทพยุคบรรพกาลแข็งแกร่งกว่ายุคสมัยปัจจุบันหลายเท่า โดยเฉพาะผู้ซึ่งอยู่ในสามอันดับแรก ดูจากการที่โฮ่วอี้แค่เพียงส่งร่างอวตารระดับเทพโลกาเข้ามา ก็สามารถสะกดจนมหาเทพอวี่หวงไม่กล้าเคลื่อนไหวระยะเวลาหนึ่ง มันเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี แล้วราชันเทพมารอเวจี ที่เคยเผชิญหน้ากับสิบจักรพรรดิเทพบรรพกาลพร้อมกันด้วยตัวคนเดียว ทั้งยังสังหารไปได้ถึงแปดองค์ล่ะ พลังของมันจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน แม้แต่ผู้ที่ใจร้อนวู่วามอย่างเห้งเจีย ยังไม่กล้าบุกเดี่ยวเข้าไปแก้แค้นให้พระถังซัมจั๋งเลย ส่วนทางฝ่ายจักรพรรดินีหลินซินเยว่ เมื่อได้ยินคำพูดประโยคนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อย นางเลือกที่จะใช้ความเงียบแทนคำตอบ เพราะบางสิ่งบางอย่างต้องให้เห็นด้วยตาตนเองถึงจะเชื่อ พูดมากไปก็มีแต่มากความ “ หืม ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่กล้าปรากฏตัวออกมาอีกงั้นรึ ดูเหมือนการเสียสละของพระถังซัมจั๋งและพระโพธิสัตว์ท่านอื่นๆ จะไปหยุดยั้งไม่ให้แกฟื้นพลังโดยสมบูรณ์สินะ ” จ้าวเทียนพูดเสียงเย็นชา ก่อนจะยื่นฝ่ามือออกไป วิ้งงง! ครืนนน! กงจักรเปลวเพลิงขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว อุณหภูมิของมันทำให้ห้วงมิติหลอมละลาย ความว่างเปล่าตรงหน้าฉีกขาด เหมือนแผ่นน้ำแข็งบางๆถูกตัดด้วยคมมีดอันร้อนแรง ทันใดนั้น โฮกกกก! บูมมม! ราวกับเป็นการตอบโต้จ้าวเทียน เสียงกู่ร้องคำรามดังสะท้านสะเทือนสวรรค์และปฐพี มันมาพร้อมกลิ่นอายความบ้าคลั่ง ดุร้าย กระหายเลือด ออร่าสีดำทะมึนระเบิดออกมา ทำให้ท้องฟ้ามืดลงราวกับเป็นคืนเดือนดับ ไม่มีแม้แต่แสงตะวันหรือแสงดารา ในเวลานี้ นับประสาอะไรกับสิ่งมีชีวิตปุถุชน แม้แต่เทพโลการะดับเก้าหรือพระโพธิสัตว์ขั้นสูง ก็ยังจิตวิญญาณสั่นไหว รู้สึกหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ ร่างกายของพวกเขาเย็นเฉียบดุจหิมะ ทั้งเผลอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว “ คิดจะข่มขู่ฉัน? ” สิ้นเสียง จ้าวเทียนก็กดฝ่ามือลง ทำให้กงจักรเปลวไฟบรรลัยกัลป์หมุนควงสว่านลงไป อานุภาพการโจมตีครั้งนี้อยู่เหนือขอบเขตจักรพรรดิขั้นสูงสุดอย่างแน่นอน “ แย่แล้ว รีบเคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดออกไปเร็ว ” เมื่อเห็นลูกน้องได้รับผลกระทบจากพลังของราชันเทพมาร เหล่าผู้นำมหาอำนาจก็พากันลงมือด้วยตนเอง เกิดเป็นลำแสงสีรุ้งมากมายกวาดไปมารอบๆแดนสุขาวดี พริบตาเดียวทั้งวัดวาอาราม คลังสมบัติและสวนโอสถล้ำค่า รวมไปถึงเหล่าสรรพชีวิตทั้งมวลที่เหลืออยู่ล้วนถูกเก็บกู้ไปจนหมดสิ้น จากนั้นพวกเขาก็นำขุมกำลังฝ่ายตนเปิดช่องว่างมิติหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว เปรี้ยงงง! ตูมมมมม! วังวนโลหิตขนาดยักษ์แปรเปลี่ยนคมหอกพุ่งทะลวงใส่กงจักรเปลวเพลิง จนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ท้องฟ้าพังทลาย ห้วงมิติที่แบ่งแยกแดนสุขาวดีออกจากโลกภายนอกถูกลบหายไปในอึดใจเดียว “ เสมอกันงั้นรึ ร้ายกาจกว่าที่คาดไว้อีก ” จ้าวเทียนเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ขนาดราชันเทพมารอเวจียังฟื้นพลังไม่สมบูรณ์ ก็มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับร่างอวตารของเขาแล้ว หากปล่อยให้อีกฝ่ายได้ดูดกลืนสิ่งมีชีวิตต่อไปคงไม่ดีแน่ วูป! เสี้ยววินาทีนั้น ก็ได้มีภาพดวงตาอันน่าสะพรึงกลัวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น มันถูกแทรกซึมไปด้วยเส้นเลือดสีดำจำนวนมาก มีขนาดใหญ่โตยิ่งกว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของแดนสุขาวดี คล้ายกับสัญลักษณ์เต๋าสวรรค์ แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการทำลายล้างและความบ้าคลั่ง ราวกับเป็นการรวมตัวของพลังงานชั่วร้ายในจักรวาล “ จุติเก้าสุริยันผลาญสวรรค์! ” บูมมม! เหนือศีรษะจ้าวเทียน ปรากฏดวงอาทิตย์เก้าดวงเรียงตัวซ้อนกันเป็นวงกลม ก่อนจะถูกหลอมรวมเข้าไปในร่าง เกิดเป็นกายทิพย์สิบตะวันสูงเทียมฟ้า ใหญ่โตยิ่งกว่าอาณาเขตแดนสุขาวดีทั้งหมดเกือบสามเท่า “ จงถูกทำลายไปซะ ” ฝ่ามือขนาดใหญ่ของจ้าวเทียนปกคลุมแผ่นฟ้า ราวกับต้องการบดขยี้ทั้งดวงตาและแดนสุขาวดีไปพร้อมกัน เนื่องจากเขาสัมผัสได้ว่าแกนกลางของโลกพุทธะ ถูกอีกฝ่ายหยั่งรากลึกกัดกิน จนแทบจะเปลี่ยนกลายเป็นขุมนรกแห่งที่สองแล้ว “ ฆ่า! ฆ่า! ฆ่า! ” เนตรมารแห่งการทำลายล้าง ได้ปลดปล่อยคลื่นสายฟ้าสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ฟาดถล่มใส่ฝ่ามือจ้าวเทียนอย่างรุนแรง ผลกระทบจากการปะทะกันครั้งนี้ ได้กวาดเอาแดนสุขาวดีเกือบครึ่งหายไปในพริบตา หลงเหลือเพียงสถานที่ซึ่งได้รับการปกป้องจากราชันเทพมารเท่านั้นที่ยังคงอยู่ “ ทั้งสองฝ่ายแข็งแกร่งมาก… ” “ ถอยกันก่อนเถอะ นี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่พวกเราจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ ” เทพีอามาเทราสุ กับเหล่าผู้นำมหาอำนาจอื่นๆรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เห็น เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนเช่นนี้ จักรพรรดิเทพธรรมดาก็ไม่ต่างไปจากมดปลวก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทพโลการะดับสูงอย่างพวกตนเลย โดยเฉพาะเมื่อเห็น ร่างจำแลงสามเศียรหกกรของราชันเทพมารอเวจีนับร้อย ถือหอกก้าวออกมาจากวังวนสีดำของเนตรแห่งการทำลายล้างและตรงเข้าต่อสู้กับจ้าวเทียนอย่างดุเดือด เหล่ามหาอำนาจก็ยกเลิกแผนการสร้างเขตอาคมผนึกทันที เพราะแค่เพียงผลกระทบจากออร่าของทั้งสองฝ่าย มันก็บดขยี้สรรพสิ่งโดยรอบให้หวนคืนสู่ความว่างเปล่าแล้ว พวกเขานึกไมออกจริงๆ ว่าจะมีเขตอาคมหรือค่ายกลต้องห้ามใดหยุดยั้งผู้ทรงพลังระดับนี้ได้อีก “ ดูเหมือน กว่าที่ผลลัพธ์การต่อสู้จะออกมาคงต้องใช้เวลาซักพัก ” จักรพรรดินีหลินซินเยว่พูดกับตนเองเบาๆ ก่อนจะบีบเศษกระดูกผลึกคริสตัลในฝ่ามือเป็นผุยผง นี่คือพระธาตุศักดิ์สิทธิ์แห่งการกลับชาติมาเกิดใหม่ ที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในดวงเนตรพระพุทธรูปทองคำขนาดยักษ์ ซึ่งตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางแดนสุขาวดี วูป!ร่างของจักรพรรดินีหลินซินเยว่ ค่อยๆกลายเป็นละอองแสงสีทองจางหายไปอย่างรวดเร็ว นางได้อาศัยช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจการต่อสู้ระหว่างจ้าวเทียนกับราชันเทพมาร นำพาตัวเองเคลื่อนย้ายไปยังประตูสังสารวัฏหกวิถี เพื่อทำเรื่องราวสำคัญบางอย่าง ซึ่งจะส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเหตุการณ์ในอนาคตในเวลาเดียวกันท่ามกลางเศษซากแห่งความพินาศของบรรพตศักดิ์สิทธิ์ ที่เคยเป็นสถานที่ผนึกกักขังราชันเทพมารอเวจี ได้ปรากฏบ่อน้ำสีดำขนาดใหญ่ขึ้น มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความชั่วร้าย และเป็นต้นกำเนิดของวังวนโลหิตดูดกลืนสิ่งมีชีวิตทั้งมวล“ อีกเพียงครู่เดียวเท่านั้น บุตรข้าก็จะได้ลืมตาออกมาดูโลกแล้ว ”โบราณาจารย์มารเฮยเหลียน ใช้ฝ่ามือซ้ายลูบหน้าท้องอันกลมโตของตนเองอย่างอ่อนโยน ในขณะความมีชีวิตชีวาของนางกำลังถูกของเหลวสีดำในบ่อกัดกินจนหลงเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก สูญเสียความงดงามที่เคยมีไปจนหมดสิ้นแท้จริงแล้ว ผู้ที่ต่อสู้กับจ้าวเทียนในตอนนี้ไม่ใช่ราชันเทพมารอเวจี แต่เป็นโบราณาจารย์มารเฮยเหลียนที่ดึงพลังจากบุตรในครรภ์มาใช้ นางต้องการถ่วงเวลาให้บุตรในครรภ์ ดูดกลืนรังสีบาปกรรมของทั่วทั้งสามภูมิในบ่อมารอนธการ รวมไปถึงเลือดเนื้อและดวงวิญญาณของตนเอง เพื่อจุติเป็นราชันเทพมารที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์“ รอก่อนเถอะ…อีกไม่นานพวกเจ้าจะได้รู้ว่าความสิ้นหวังที่แท้จริงมันเป็นเช่นไร ”