จุติใหม่มหาเทพตี้เทียน
บทที่ 626

ไม่รู้เวลาได้ผ่านไปเนิ่นนานเพียงใด แต่เมื่อจ้าวเทียนฟื้นคืนสติกลับคืนมาอีกครั้ง เขาก็พบว่าตนเองกำลังยืนถือกระถางต้นไม้เอกภพ อยู่บนตำแหน่งที่ในอดีตเคยเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล ซึ่งบัดนี้…ดูเหมือนสถานที่แห่งนั้นจะถูกลบหายไปเรียบร้อย ‘ เกิดอะไรขึ้น? จูเก้อหมิงอยู่ที่ใดกัน การต่อสู้จบลงแล้วงั้นเหรอ ’ จ้าวเทียนเริ่มคิดทบทวนสิ่งต่างๆอย่างรวดเร็ว เขาจำได้ว่าในช่วงเวลาที่กำลังจะพลาดท่าเสียทีให้จูเก้อหมิง มันก็ได้มีขุมพลังอำนาจลึกลับบางอย่าง สอดแทรกเข้ามาสยบความเคลื่อนไหวตนเอง จากนั้น ภาพต้นไม้ขนาดยักษ์เปล่งแสงสว่างสีทองเจิดจ้า ปลดปล่อยออร่าศักดิ์สิทธิ์แผ่ขยายกิ่งก้านสาขาปกคลุมจักรวาลก็ปรากฏขึ้น ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเขาจะดับวูบหายไป จนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีเหตุการณ์ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะจบลงแล้ว “ การที่ของสิ่งนี้ยังอยู่ที่ฉัน นั่นก็หมายความว่าจูเก้อหมิงคงมีจุดจบไม่ดีนัก ” จ้าวเทียนจ้องมองต้นไม้เอกภพที่สูงกว่าเดิมเกือบสองเท่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น วูป! จ้าวเทียนได้ส่งเจตจำนงตัวเองไปยังโลกมิติคลังสมบัติลับ เพื่อเข้าไปสอบถามหาความจริงจากเหล่าจิตวิญญาณจักรพรรดิเทพหมื่นตะวันรุ่นก่อน แต่ก็น่าเสียดายที่มันกลับไร้ประโยชน์ เพราะแม้แต่ตัวตนระดับจักรพรรดิหมื่นตะวันรุ่นแรก ก็ยังถูกฝ่ายตรงข้ามใช้พลังปิดหูปิดตา จากสถานการณ์ภายนอกในช่วงเวลานั้นเช่นเดียวกัน “ หรือฉัน ควรไปพบร่างแยกของมหาเทพผานกู่ในแม่น้ำเต๋า… ” พูดจบ จ้าวเทียนก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆพร้อมถอนหายใจยาว เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตอนที่ตัวเขาเคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตหลายหมื่นล้านที่เคยถูกเมล็ดพันธุ์เต๋าสวรรค์ควบคุมออกไปจากแม่น้ำเต๋า ก็ได้ค้นพบว่า ทั้งกายเนื้อและจิตวิญญาณของร่างแยกมหาเทพผานกู่ ได้ถูกผนึกให้คงอยู่ในสภาพหลับใหลชั่วนิรันดร์ กลายเป็นรูปปั้นศิลาไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าใดๆ ยกเว้นจะเผชิญหน้ากับจิตสังหารหรือศัตรูที่แข็นแกร่ง ซึ่งวิธีการผนึกชีวิตและความตายแบบนี้ ทั้งชีวิตจะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น หากจ้าวเทียนดึงดันที่จะปลุกอีกฝ่ายขึ้นมาสอบถาม ในอนาคตข้างหน้า เขาก็จะขาดสุดยอดผู้ช่วยอันเข้มแข็งไปอีกหนึ่งทันที “ แม้แต่เนตรจักรวาลหมื่นสรรพสิ่งของฉัน ก็ยังอนุมานตัวตนที่แท้จริงของผู้ลงมือไม่ได้งั้นเหรอ อย่าบอกนะ ว่าฝ่ายตรงข้ามจะบรรลุถึงขั้นบิดเบือนแม่น้ำแห่งกาลเวลา และลบเลือนเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้จริงๆ ” แววตาของจ้าวเทียนเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะนี่อาจเป็นศัตรูที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยเผชิญมา แต่ไม่ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมากขนาดไหน หากคิดจะมาขัดขวาง ก็ต้องลองถามกระบี่ในมือเขาดูก่อน “ อืม ในเมื่อตอนนี้ต้นไม้เอกภพยอมรับฉันเป็นนายโดยสมบูรณ์แล้ว บางทีฉันน่าจะลองทดสอบอะไรดูหน่อย ” วูป! จ้าวเทียนวาดฝ่ามือออกไปเบาๆ ทำให้ใบไม้สามใบหลุดออกจากกิ่งต้นไม้เอกภพ ก่อนที่พวกมันจะแตกสลาย ปลดปล่อยพลังในการควบคุมกฎเกณฑ์แห่งสรรพสิ่งจำนวนมากมายมหาศาลออกมา จากนั้น ทั้งห้วงมิติที่พังทลายและเศษซากชิ้นส่วนของภูเขาจักรวาล ก็ถูกดึงดูดให้กลับมารวมตัวกันจนครบถ้วนสมบูรณ์ในชั่วอึดใจเดียว แม้แต่เหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ หรือเหล่าผู้ฝึกตนที่ตกตายไปเพราะผลกระทบจากการต่อสู้ ก็ฟื้นคืนชีพกลับมาอยู่ในสภาพเดิมก่อนตายแทบทั้งหมด ราวกับเป็นการย้อนเวลากลับไปไม่ผิดเพี้ยน “ หืม การชุบชีวิตภูเขาจักรวาลกับสิ่งมีชีวิตทั้งมวลขึ้นมาใหม่ ใช้พลังของต้นไม้เอกภพไปแค่สามในร้อยส่วนเองงั้นเหรอ ” ต้องเข้าใจก่อนว่า ทั้งขนาดอันใหญ่โตและอาณาเขตของภูเขาจักรวาลนั้นเทียบเท่าหนึ่งกาแล็กซี่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจำนวนสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในนั้นเลย มันมีมากมายกว่าดวงดาวบนท้องฟ้าเสียอีก “ ยกเว้นผู้ที่ดวงวิญญาณถูกทำลายหรือสูญสิ้นเจตจำนงในการมีชีวิตอยู่ ขอเพียงยังหลงเหลือเศษเสี้ยวความอาลัยอาวรณ์ให้ฉันสัมผัสได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะนำพวกเขากลับคืนมาอีกครั้ง ” เมื่อได้ครอบครองต้นไม้เอกภพ พลังในการสรรค์สร้างสรรพสิ่งจากความว่างเปล่าของจ้าวเทียน ก็แทบจะบรรลุขอบเขตเดียวกับมหาเทพผานกู่ ซึ่งถูกยกให้เป็นเทพเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งในตำนานอย่างแท้จริง และนี่จะกลายเป็นหลักประกันว่า ต่อไปในอนาคตจ้าวเทียนจะไม่ต้องรู้สึกหวาดกลัวต่อการสูญเสียมิตรสหายไปอีกแล้ว โดยเฉพาะกับครอบครัวอันเป็นที่รัก วิ้งงง! จ้าวเทียนตัดสินใจเก็บต้นไม้เอกภพไว้ในภูเขาจักรวาลตามเดิม เนื่องจากมันคือกลไกสำคัญในการควบคุมแดนสวรรค์และเก้าท้องฟ้าสิบแผ่นดิน ซึ่งเชื่อมโยงกับสังสารวัฏหกวิถีแห่งการกลับชาติมาเกิดใหม่ จึงไม่อาจเคลื่อนย้ายออกไปโดยพลการได้ เว้นแต่ว่า จ้าวเทียนจะยอมเมินเฉยต่อการล่มสลายของจักรวาลทั้งหมด และอยากนำมันมาปลูกในพื้นที่จิตวิญญาณตนเองเช่นเดียวกับจูเก้อหมิง ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยให้มันอยู่ในที่ควรอยู่ดีกว่า ส่วนเรื่องกฎเกณฑ์ของเก่าที่เต๋าสวรรค์สร้างเอาไว้นั้น ตั้งแต่มหาวิหารเทพเจ้าสูงสุดโดนทำลายและต้นไม้เอกภพเปลี่ยนเจ้าของใหม่ มันก็ได้ถูกยกเลิกไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ทั้งจักรพรรดิเทพรวมไปถึงผู้ฝึกตนทุกคน จะไม่ถูกจำกัดด้วยอายุขัยอันแสนสั้นอีกต่อไป “ แค่สนามพลังกาลเวลาแบบเดิม ก็น่าจะเพียงพอป้องกันการบุกรุกจากขอบเขตผู้ปกครองทั่วไป ยังไงซะ ต่อให้เกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ฉันก็สามารถเคลื่อนย้ายมิติมาที่ต้นไม้เอกภพได้ทันที คงไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมากมาย ” แวบ! นัยน์ตาจ้าวเทียนเปล่งประกายเจิดจ้า ทำให้ภาพเหตุการณ์บนโลกมนุษย์และแดนสุขาวดีปรากฏขึ้นภายในความคิด ซึ่งนั่นก็ทำให้สีหน้าเขาหมองคล้ำลงทันที เนื่องจาก ร่างอวตารตนเองที่เคยต่อสู้กับราชันเทพมารอเวจีอย่างสูสี กำลังถูกเด็กชายอายุประมาณสิบขวบไล่ต้อนจนมุม ทำได้เพียงป้องกันตัวเองเท่านั้น แทบจะไม่มีโอกาสตอบโต้แม้แต่น้อย ซึ่งเมื่อเขาอนุมานต้นกำเนิดของอีกฝ่ายดู ก็พบว่าเป็นบุตรแห่งความมืดมิด ที่ถือกำเนิดจากครรภ์โบราณาจารย์มารเฮยเหลียน โดยพริบตาที่อีกฝ่ายคลอดออกมา ก็กลืนกินร่างกายและดวงวิญญาณของมารดาเสริมสร้างพลังให้ตนเอง ทั้งยังครอบครองพลังของราชันเทพมารอเวจี และหลอมรวมบาปกรรมนานัปการในสามภูมิรวมไปถึงบ่อเกิดแห่งความชั่วร้ายของทั้งจักรวาลเป็นหนึ่งเดียว อีกด้านหนึ่ง สถานการณ์บนโลกมนุษย์เองก็ตกอยู่ในภาวะวิกฤตไม่ต่างกัน ถึงแม้ร่างอวตารของเขาจะยังพอรับมือศัตรูไหวอยู่ แต่ประเทศต่างๆก็ล่มสลายลงเกือบหมด ผู้คนมากมายทั้งที่เคยรู้จักและไม่รู้จัก ก็บาดเจ็บล้มตายไปมากกว่าครึ่ง นี่คือการตกตายไปอย่างแท้จริง เพราะดวงวิญญาณของพวกเขาถูกกลืนกินโดย อาณาเขตพิธีกรรมต้องห้ามของจักรพรรดิมาร จ้าวเทียนจึงไม่อาจชุบชีวิตให้พวกเขาได้อีก “ หืม มีการต่อสู้ระหว่างสองตัวตนระดับจักรพรรดิ เกิดขึ้นที่กาแล็กซี่ทางช้างเผือกงั้นเหรอ เป็นผู้ใดกัน ” แค่เพียงจ้าวเทียนเพ่งสายตามอง เขาก็เห็นภาพนรกบนดินของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล ดวงดาวอารยธรรมนับร้อยระเบิดเป็นเศษฝุ่นจักรพรรดินีปิงเยว่ในร่างวิหคเพลิงอมตะสีขาวบริสุทธิ์ กำลังต่อกรกับอสูรร้ายรูปร่างคล้ายยุงขนาดใหญ่โตมโหฬารอย่างดุเดือด ซึ่งเส้นทางที่ทั้งสองฝ่ายทิ้งไว้เบื้องหลัง ก็เต็มไปด้วยภัยพิบัติทำลายล้างและเศษซากห้วงมิติที่พังทลาย“ ยุงตัวนี้คงเป็นหนึ่งในสามเทพอสูรยุคบรรพกาลสินะ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสร้างอาณาเขตบิดเบือนกฎแห่งมิติเวลาในกาแล็กซี่ทางช้างเผือก ทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถเคลื่อนย้ายมิติผ่านเข้าไปในระบบสุริยะของโลกมนุษย์ได้ ”“ ไม่นึกเลย…เผ่ามารที่มีนิสัยดิบเถื่อนดุร้าย จะมีผู้บรรลุความเข้าใจลึกซึ้งในกฎเกณฑ์มิติเวลาระดับนี้ซ่อนตัวอยู่ ถึงแม้อาจารย์ป้าจะได้เปรียบเรื่องความแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีทางเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้ในเวลาอันสั้น ”ถ้าเป็นจ้าวเทียนลงมือเอง อีกฝ่ายคงถูกสังหารภายในไม่กี่ลมหายใจ ติดอยู่เพียงเรื่องเดียว คือเขาต้องเดินทางผ่านกาแล็กซี่ทางช้างเผือกโดยตรง ไม่อาจใช้วิธีเคลื่อนย้ายมิติอย่างที่แล้วๆมา ซึ่งก็คงกลับไปที่แดนสุขาวดีไม่ทันแน่นอนเรื่องส่วนรวม…หรือเรื่องส่วนตัว ถึงเวลาที่จ้าวเทียนจะต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างกำจัดร่างจุติใหม่ของราชันเทพมารอเวจีที่เป็นมหาภัยพิบัติของทั้งจักรวาล โดยเมินเฉยต่อชีวิตความตายของพวกพ้องบนโลกมนุษย์หรือจะกลับไปช่วยทุกคนบนโลกมนุษย์เป็นอันดับแรก แล้วปล่อยให้ราชันเทพมารอเวจีสังหารกองทัพมหาอำนาจแดนสวรรค์ทั้งหมด และอาละวาดกลืนกินสิ่งมีชีวิตทั้งมวลเพื่อเสริมพลังให้ตัวเอง จนกระทั่งกลายเป็นหายนะแห่งจักรวาลในที่สุด