กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ
บทที่ 1

ไฟประดับและแสงไฟได้ส่องสว่างในคฤหาสน์สุดหรูของครอบครัววิลสัน คืนนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดปีที่ 70 ของคุณท่านวิลสัน ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าแห่งตระกูลวิลสัน เหล่าหลาน ๆ ของเธอพร้อมคู่สมรส ต่างก็เตรียมพร้อมมอบของขวัญราคาแพงให้กับเธอ “คุณยายคะ หนูได้ยินมาว่าคุณยายชอบชาจีน หนูได้ไปเสาะหาชาผู่เอ๋ออายุมากกว่าศตวรรษนี้ ที่มีมูลค่าครึ่งล้านดอลลาร์มามอบเป็นของขวัญให้กับคุณยายค่ะ” “คุณยายครับ ผมเห็นว่าคุณยายได้อุทิศตนเข้าทางธรรม ผมได้เตรียมพระพุทธรูปนี้ ซึ่งแกะสลักจากหยกเฮเทียนแท้ ที่มีมูลค่าถึงเจ็ดแสนเหรียญ
” เมื่อมองดูของขวัญที่ถูกบรรจงห่อหุ้มอย่างสวยงามตรงหน้าเธอแล้วนั้น คุณท่านวิลสันก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข บรรยากาศในงานวันเกิดจึงมีความสนุกสนานและผ่อนคลาย ทันใดนั้นชาร์ลี เวดผู้ซึ่งเป็นหลานเขยคนโตของคุณท่านวิลสัน ก็พูดขึ้นมาว่า “คุณยายครับ ผมขอยืมเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ได้ไหม ขอร้องล่ะครับ คุณนายเลวิสจากสถานสงเคราะห์ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นไตวาย และผมต้องการเงินสำหรับการรักษาของเธอ…”” ตระกูลวิลสันทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจสุดขีด ทุกคนต่างก็จ้องไปที่ชาร์ลีด้วยความงงงวยและประหลาดใจ หลานเขยคนนี้ช่างมีผิวพันดำเหลือเกินและยังกล้ามาก! เขาไม่เพียงแค่ไม่ได้เตรียมของขวัญให้คุณท่านวิลสันในวันเกิดของเธอ แต่จริง ๆ แล้วเขายังกล้าที่จะขอยืมเงินหนึ่งล้านดอลลาร์จากเธออีกด้วย! เมื่อสามปีก่อน นายท่าชรานวิลสัน ซึ่งยังมีชีวิตอยู่และสบายดี ได้กลับมาบ้านพร้อมกับชาร์ลี เขาได้ยืนยันที่จะให้ชาร์ลีแต่งงานกับหลานสาวของพวกเขานั้นก็คือ แคลร์ วิลสัน เมื่อย้อนกลับไปตอนนั้น ชาร์ลีเป็นเพียงผู้ชายที่ต่ำต้อยและน่าสังเวชเหมือนขอทาน นายท่านชราวิลสันได้เสียชีวิตลงหลังจากที่พวกเขาแต่งงานกัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทุกคนในตระกูลวิลสัน พยายามที่จะขับไล่เขาออกจากครอบครัว อย่างไรก็ตามชาร์ลีมักเลือกที่จะอยู่นิ่ง ๆ และนิ่งเฉยกับทุกอย่างราวกับรูปปั้น แม้จะถูกดูถูกและเหยียดหยามแค่ไหน เขาก็ใช้ชีวิตในตระกูลวิลสันอย่างเงียบ ๆ ในฐานะลูกเขยที่อาศัยอยู่เท่านั้น ในวันนี้เขาจนปัญญา จึงจำเป็นที่ต้องขอยืมเงินจากคุณท่านนวิลสัน คุณนายลูอิสผู้ซึ่งเคยมีบุญคุณและช่วยชีวิตเขานั้นเป็นโรคไตวาย ซึ่งเธอจำเป็นต้องการเงินอย่างน้อยหนึ่งล้านดอลลาร์สำหรับการฟอกไตและการปลูกถ่ายไต เขามองไม่เห็นทางออกใด ๆ นอกจากขอความช่วยเหลือจากคุณนายวิลสัน เขาแค่รู้สึกว่าเนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของเธอ เธออาจจะมีความเมตตากรุณาที่จะให้ความช่วยเหลือกับเขา คุณท่านวิลสันยังคงหัวเราะอย่างสนุกสนาน ไม่นานนักริมฝีปากของเธอโค้งลงอย่างกะทันหัน และดวงตาของเธอก็แสดงอาการออกมาอย่างไม่พอใจ เธอสาดถ้วยน้ำชาในมือลงพื้นแล้วตะโกนดังลั่น “ไอสารเลว แกมาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดของฉันหรือมาเพื่อขอยืมเงิน” แคลร์ได้รีบวิ่งไปและพูดว่า“ คุณยายคะ ชาร์ลีอาจจะคิดไม่ทันระวัง โปรดยกโทษให้เขาด้วยเถอะนะคะ” จากนั้นเธอก็ดึงสามีของเธอออกมา ในขณะเดียวกัน เวนดี้ ผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของแคลร์หัวเราะเยาะอย่างดูถูก “โถ
แคลร์ ดูเศษขยะที่เธอแต่งงานด้วยนั่นสิ! เจอรัลด์เป็นเพียงคู่หมั้นของฉันและเรายังไม่ได้แต่งงานกันด้วยซ้ำ แต่เขาได้มอบพระหยกให้คุณยาย มองสามีสุดประเสริฐของเธอสิ เขามามือเปล่าไม่พอ ยังจะกล้ายืมเงินคุณยายด้วย!” "คุณพูดถูกที่รัก! ชาร์ลีเราทั้งคู่เป็นหลานเขยของตระกูลวิลสัน แต่สิ่งที่คุณทำมันน่าขายหน้ามาก!” ชายที่พูดอยู่คือ เจอรัลด์ ไวท์ ผู้ซึ่งเป็นคู่หมั้นของเวนดี้ ตระกูลเขานับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยในเมืองนี้ เมื่อว่าเจอรัลด์กำลังจะแต่งงานกับเวนดี้นั้น สำหรับเขาแล้วแคลร์ก็ยังสวยและสง่างามมากกว่าคู่หมั้นของเขาด้วยซ้ำ แคลร์ วิลสันเปรียบเสมือนเทพธิดาในโอลรัส ฮิลล์ ซึ่งทำให้เจอรัลด์รู้สึกหงุดหงิดและโมโหมากเมื่อนางในฝันของเขาได้แต่งงานกับคนที่ไม่คู่ควรกับเธอ “มันถึงเวลาอันสมควรซะที ที่คนไร้ค่าแบบนี้ควรจะออกจากตระกูลพวกเราซะ” “ใช่แล้ว! แกมันช่างเป็นสิ่งที่น่าอายที่ทำให้วงศ์ตระกูลของเราเสื่อมเสีย” “บางทีแกอาจจะไม่ได้มาเพื่อจะที่จะยืมเงิน แต่เพื่อทำลายบรรยากาศที่สนุกสนานในวันเกิดของคุณยายต่างหาก!” ชาร์ลีกำหมัดแน่น ในขณะที่ตระกูลวิลสันทั้งหมดกำลังดูถูกและเหยียดหยามเขา ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็นนี้เขาคงรีบออกจากบ้านที่น่ารำคาญหลังนี้ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม คำพูดพ่อของเขาก็ยังสะท้อนอยู่ในหัว พ่อของเขาสอนให้เขารู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ได้รับ และต้องตอบแทนบุญคุณที่ได้รับเป็นสิบเท่า ดังนั้นเขาจึงพยายามระงับความโกรธต่างๆที่ก่อตัวขึ้นภายในตัวเขาอย่างช้าๆ พร้อมพูดกับคุณท่านวิลสันว่า“ คุณยายครับ ใครก็ตามที่ช่วยชีวิตคนคนเดียว ก็สามารถช่วยโลกใบนี้ได้ทั้งหมด ผมขอร้อง ผมขอความเมตตาจากคุณ” ใครบางคนในห้องส่งเสียงขึ้นมา "คุณเวด เลิกบังคับป้อนซุปไก่ให้คุณยายเสียทีเถอะ หากคุณต้องการช่วยเหลือใครสักคน คุณควรจะสามารถหาทางได้ด้วยตนเอง คุณคิดว่าคุณเป็นใครกันถึงกล้ามาขอเงินจากคุณยาย” ชายผู้นั้นคือพี่ชายของเวนดี้ แฮโรลด์ วิลสัน ทั้งพี่ชายและน้องสาว มีความอิจฉาและอคติกับแคลร์มาโดยตลอด เพราะแคลร์เหนือกว่าพวกเขาในทุกๆด้าน ดังนั้นพวกเขาจึงมักจะโจมตีชาร์ลีทุกครั้งที่พวกเขาสามารถทำได้ แคลร์ซึ่งมีสีหน้าอึดอัดเล็กน้อยเริ่มกล่าวว่า“ คุณยายคะ พ่อของชาร์ลีเสียชีวิตตั้งแต่เขาอายุแปดขวบ และคุณนายลูอิสที่สถานสงเคราะห์ก็เป็นคนที่มีบุญคุณเลี้ยงดูเขามา เขารู้สึกขอบคุณและต้องการตอบแทนบุญคุญในความเมตตาของเธอมาโดยตลอด และนั่นคือเหตุผลที่เขาต้องการความช่วยเหลือในครั้งนี้ คุณยายช่วยเขาได้ไหมคะ…” คุณท่านวิลสัน ตะโดนขึ้นมาด้วยใบหน้าขุ่นเคือง “เธอต้องการให้ฉันช่วยเขาเหรอ? ได้! ไปหย่ากับเขาซะตอนนี้ และแต่งงานกับคุณโจนส์แทน! ถ้าเธอทำตามที่ฉันบอก ฉันจะให้เขาหนึ่งล้านดอลลาร์ทันที!” คุณโจนส์ที่คุณท่านวิลสันกล่าวถึง คือเวนเดลล์ โจนส์ ชายที่ตามจีบแคลร์มาโดยตลอด แม้แคลร์จะแต่งงานแล้วก็ตาม ตระกูลโจนส์เป็นหนึ่งในครอบครัวที่โดดเด่นในวงสังคมชั้นสูงใน โอลรัส ฮิลล์ ซึ่งตระกูลนี้มีอำนาจมากกว่าตระกูลวิลสัน มาก เช่นนั้นเองเลดี้ วิลสัน จึงต้องการที่จะได้ประโยชน์ในครั้งนี้ ในขณะเดียวกัน พ่อบ้านได้วิ่งเข้ามาและพูดว่า“ คุณชายโจนส์ได้ส่งของขวัญวันเกิดมาให้คุณท่านวิลสันขอรับ! เป็นจี้พระที่แกะสลักจากหินหยกมูลค่าสามล้านเหรียญ!” คุณท่านวิลสันยิ้มกว้างและโพล่งอย่างรวดเร็ว “เอามาให้ฉัน! เดี่ยวนี้!" พ่อบ้านได้ยื่นจี้พระสีเขียวมรกต จึงทำให้ทั้งห้องโถงส่งเสียงอุทานกับสิ่งที่เห็น จี้สีเขียวมรกตนั้นใสแจ๋วด้วยสีสันที่สดใสและคมชัด โดยไม่มีร่องรอยตำหนิใด ๆ เพราะเป็นหยกที่มีคุณภาพดีที่สุด เจอรัลด์ผู้ซึ่งได้มอบของขวัญเป็นพระพุทธรูปให้กับคุณยายก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกหงุดหงิดทันที เขาไม่ได้คาดหวังว่าเวนเดลล์ โจนส์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลวิลสันจะทุ่มของขวัญได้ขนาดนี้! คุณท่านวิลสันลูบชมจี้พระอย่างร่าเริงและพูดว่า “โอ้ คุณโจนส์ช่างมีรสนิยมที่ดีเหลือเกิน! มันคงจะดี ถ้าเขามาเป็นหลานเขยของฉัน!” จากนั้นเธอก็จ้องมองไปที่แคลร์และถามว่า “สรุปว่าอย่างไร? เธอต้องการพิจารณาข้อกำหนดและเงื่อนไขของฉันหรือไม่” แคลร์ส่ายหัวอย่างมั่นใจ “ไม่ค่ะคุณยาย ฉันจะไม่มีวันหย่ากับชาร์ลี” แววตาของคุณท่านวิลสันราวดั่งกับว่ากำลังมีเมฆฝนที่กำลังโหมพายุเข้ามา เธอตะโกนอย่างโมโหว่า “เธอมันเนรคุณ! ไอ้ขี้แพ้นั้นมีดีอะไร? จะไปเสียเวลากับเขาทำไม ไล่ไอ้คนขี้แพ้นั้นออกไปจากบ้านฉัน! เขาไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในงานเลี้ยงวันเกิดของฉัน! ฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา!” ชาร์ลีถอนหายใจด้วยความตกใจและเสียใจ เขาไม่ต้องการอยู่กับตระกูลวิลสันอีกต่อไป เขาจึงพูดกับ แคลร์ว่า “แคลร์ ผมจะไปโรงพยาบาลเพื่อไปเยี่ยมคุณนายลูอิส” แคลร์รีบตอบทันที “ฉันจะไปกับคุณ” คุณท่านวิลสันตะโกนขึ้นอีกครั้ง “ถ้าเธอเดินออกไปตอนนี้ เธอจะไม่ใช่หลานสาวของฉันอีกต่อไป! แล้วเธอก็พาแม่ พาพ่อ และไอ้ขี้แพ้คนนี้ของเธอออกไปจากตระกูลวิลสันซะ!” แคลร์จ้องไปที่คุณยายของเธออย่างตกใจ เธอไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำพูดที่รุนแรงจากปากของคุณยาย ชาร์ลีพูดขึ้นมาว่า “แคลร์คุณอยู่ที่นี่ ไม่ต้องห่วงผม” ก่อนที่แคลร์จะเรียกตัวเองจากภวังค์เขาก็หันหลังและจากไปเสียแล้ว แฮโรลด์หัวเราะตามหลังเขา “เฮ้ย ชาร์ลีเพื่อนนัก ถ้านายออกไปแล้วนายหิว นายจะไปขออาหารที่ถนนไหม ถ้านายทำแบบนั้นละก็ นายจะทำให้ชื่อตระกุลของเราเสื่อมเสีย! อ่ะนี่ ฉันมีเงิน หนึ่งดอลลาร์ไปซื้อขนมปังหรืออะไรกินซะ!” แฮโรลด์ควักเงินหนึ่งดอลลาร์จากกระเป๋าของเขาและโยนมันไปที่เท้าของชาร์ลี เสียงหัวเราะกึกก้องของทั้งตระกูลดังก้องไปทั่วบ้าน ชาร์ลีกัดฟันด้วยความอดทน และออกจากบ้านไปโดยไม่หันกลับมามอง *** เมื่อชาร์ลีมาถึงโรงพยาบาลเขาก็ไปที่แผนกชำระเงินทันที เพื่อพยายามเจรจาขอขยายเวลาการชำระเงินออกไปอีกสองวัน อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเข้าไปหาพยาบาล เขาก็ได้รับแจ้งว่าในชั่วข้ามคืนคุณนายลูอิส ได้ถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลแฟร์วิว ซึ่งเป็นโรงพยาบาลชั้นนำของอีสต์คริฟฟ์ เพื่อรับการรักษา ชาร์ลีอ้าปากค้างด้วยความตกใจและถามอย่างรวดเร็ว “ค่ารักษาเท่าไหร่? ผมจะหาวิธีจัดการเอง!” นางพยาบาลกล่าวว่า “ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสามล้านดอลลาร์ จ่ายไปแล้วหนึ่งล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลืออีกสองล้านต้องถูกชำระไม่เกินหนึ่งสัปดาห์” “ใครเป็นคนจ่ายเงินหนึ่งล้านดอลลาร์?” พยาบาลส่ายหัว "ฉันไม่รู้" ชาร์ลีขมวดคิ้วด้วยความสับสน ขณะที่เขาหันกลับมาเพื่อคิดหาคำตอบนั้น ชายคนหนึ่งอายุประมาณห้าสิบปีในชุดสูทสีดำ ผมสีเทากำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา พวกเขาสบตากันและชายคนนั้นก็โค้งคำนับต่อหน้าเขาและพูดว่า "คุณชายเล็ก! ในที่สุดเราก็พบคุณแล้ว! ขออภัยสำหรับปัญหาและความลำบากที่คุณต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา!” ชาร์ลีขมวดคิ้วและถามอย่างเย็นชาราวกับว่าเขาเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง “คุณคือสตีเฟน ทอมป์สันหรือเปล่า” ชายคนนั้นอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “คุณชายเล็ก คุณยังจำผมได้!” ชาร์ลีสะดุ้งเล็กน้อยและพึมพำ “แน่นอน ผมจำได้! ผมจำพวกคุณได้ทุกคน! คุณบังคับพ่อกับแม่ของผมออกจากอีสต์ คลิฟฟ์ พร้อมกับผม และหนีออกจากเมือง พ่อแม่ของผมเสียชีวิตระหว่างทาง และผมกลายเป็นเด็กกำพร้า คุณต้องการอะไรจากผมตอนนี้”สตีเฟนยิ้มอย่างเศร้าสร้อยและกล่าวว่า “นายน้อยครับ ท่านเวดเสียใจมากเมื่อรู้เรื่องการตายของพ่อของคุณ เขาไม่เคยหยุดตามหาคุณ กลับบ้านไปพบท่านกันเถอะ!”ชาร์ลีพูดอย่างเย็นชา“ ไปเถอะ ผมไม่อยากเจอท่าน”สตีเฟนพูดว่า “นายน้อย คุณยังโกรธคุณปู่ของคุณอยู่หรือเปล่า?”"แน่นอน!" ชาร์ลีกล่าวเสียงดัง “ผมจะไม่มีวันให้อภัยเขาตลอดชีวิต!”สตีเฟ่นถอนหายใจอย่างหดหู่ “ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ คุณท่านบอกว่าคุณจะไม่ให้อภัยเขา”"ดี! โชคดีที่เขายังมีสติสัมปชัญญะ!”สตีเฟนกล่าวต่อว่า “นายท่านชราเวดรู้ดีว่าคุณมีชีวิตที่ยากลำบากมาหลายปีและท่านขอให้ผมชดเชยให้คุณ หากคุณไม่ต้องการกลับบ้านท่านจะซื้อบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโอลรัส ฮิลล์และมอบให้กับคุณ นอกจากนี้ ท่านยังให้มอบการ์ดใบนี้ ส่วนหมายเลขพินคือวันเกิดของคุณ”สตีเฟนมอบบัตรสีดำพรีเมี่ยมจากซิตี้แบงก์นายน้อยครับ การ์ดประเภทนี้มีเพียงห้าใบในประเทศ”ชาร์ลีส่ายหัวอย่างจริงจัง “ไม่ ผมไม่ต้องการมัน เอามันกลับไป”“นายน้อยครับ คุณนายลูอิสยังคงเป็นหนี้สองล้านดอลลาร์สำหรับค่ารักษาพยาบาลของเธอ หากเธอไม่จ่ายเงินเธออาจตกอยู่ในอันตราย…”"นี่คุณกำลังขู่ผมหรือ? หรือนี่เป็นส่วนหนึ่งของแผนของคุณ”สตีเฟ่นโบกมืออย่างลนลาน "ไม่ใช่ครับ! เราคงไม่กล้าทำแบบนี้! เก็บบัตรไว้เถอะครับ แล้วคุณจะมีเงินเพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล”ชาร์ลีถามต่อว่า “บัตรใบนี้มีราคาเท่าไร”“นายท่านชาราเวด บอกว่าเขาฝากเงินค่าขนมให้คุณในบัตรใบนี้ ไม่มากเท่าไหร่หรอกครับ แค่หมื่นล้านดอลลาร์!”